วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เปลี่ยนชีวิตด้วยศาสตร์แห่งหุ้น“วีระพงษ์ ธัม”พอรต์ร้อยล้าน




วิถีแห่งเม่าขัดใจพ่อ-แม่ อย่ายุ่งหุ้นคือการพนันแต่เมื่อ หลินวีระพงษ์ ธัม นักลงทุน VI พิสูจน์แล้ว นี่คือ หนทางนำไปสู่ พอร์ต 9 หลัก
ไม่เคยคิดจะรวยด้วยศาสตร์แห่งหุ้น ก่อนสมองจะผุดความคิดนี้ในช่วงปี 2546หลินวีระพงษ์ ธัม เซียนหุ้น VI ในฐานะหนึ่งในกรรมการสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) เป็นเพียง มนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆคนหนึ่งผู้หลงรักการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ

ช่วงชีวิตหนึ่ง เขาเคยเป็น Backpacker นั่งรถไฟฟ้าไปตามเส้นทางสายไหมจากเมืองปักกิ่งประเทศจีน ไปจนถึงสุดขอบเมืองจีน เพื่อไปดู คาราโครัมไฮเวย์ถนนไฮเวย์ที่มีความสูง 3,000-4,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล และไปเที่ยวชมวัดโบราณอายุ 1,000-2,000 ปี

วันนี้ หนุ่มหลิน เป็นเจ้าของพอร์ตลงทุนหลักร้อยล้าน และยังเป็นผู้ก่อตั้งเว็บไซด์ 10,000 li.net มีแฟนคลับกดถูกใจกว่า 3,711 คน เว็บไซด์นี้เปิดมา 3-4 ปี หวังบอกเล่าเรื่องราวการลงทุนต่างๆ เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ เม่าน้อยมือใหม่

วีระพงษ์ ธัม อุ้ม น้องคิน ลูกชายวัย 1 ปี 4 เดือน พร้อมพี่เลี้ยงคู่ใจ มาเล่าเส้นทางการลงทุนแนว VI ให้ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” ฟัง "ผมเป็นคนเชื้อสายไทย-มาเลเซีย คุณพ่อเป็นคนมาเลเซีย ท่านเป็นนักร้องชื่อดังออกแผ่นเสียงมาแล้วหลายร้อยแผ่น ไปถามคนรุ่นเก่าๆย่านเยาวราช แทบจะไม่มีใครไม่รู้จัก "ถัน ซุ่น เฉิง"

ก่อนครอบครัวจะย้ายมาทำธุรกิจโบรกเกอร์ประกันภัย ภายใต้ชื่อ แคปปิตอลพลัส คอนซัลติ้ง กรุ๊ปย่านสุวินทวงศ์ พวกเราเคยใช้ชีวิตอยู่แถวเยาวราช ธุรกิจเล็กๆแห่งนี้ คุณแม่ใช้หาเงินเพื่อเลี้ยงดูผมและน้องชายวัย 31 ปี ปัจจุบันน้องชายเป็นคนดูแลธุรกิจของครอบครัว

ชายหนุ่มอายุ 33 ปี ดีกรีปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับ 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขายานยนต์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จิบกาแฟ ก่อนเล่าต่อว่า หลังเรียนจบเขาเลือกที่จะตรงดิ่งไปทำงานที่บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย” (SCC) ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่การตลาดระหว่างประเทศ สายธุรกิจกระดาษ ตอนโน่นปูนซิเมนต์ไทยกำลังบุกเบิกธุรกิจกระดาษในเมืองจีน

งานท้าทาย ไม่อยากนั่งเหงาในโรงงาน ทันทีที่ความคิดนี้เกิดขึ้นในหัว ผมไม่ลังเลที่จะไปยื่นใบสมัคร (ยิ้ม)
ทำงานแรกๆรู้สึก สนุก ตื่นเต้นครั้งหนึ่งเคยโดนคนจีนหลอก (หัวเราะ) เราสั่งของไปแบบหนึ่ง แต่ดันส่งมาอีกแบบ ต้องไปนั่งแคลมมูลค่าหลายล้านบาท ทำงานได้ 4-5 ปี ก็ลาออก ถามว่าภูมิใจมั้ย (ยิ้ม) อย่างน้อยก็เคยทำตั้งแต่บริษัทเพิ่งตั้งไข่ จนสามารถนำเข้ากระดาษได้ปีละ 1,000 ล้านบาท


อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ ความคิดนี้ผุดปุดๆในหัว มาตั้งแต่เด็กๆ!!

นักลงทุนสายตาสั้น



การวิเคราะห์หามูลค่าของหุ้นเพื่อการลงทุนนั้น แม้ว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะใช้ค่า PE ค่า PB หรือตัวเลขอื่น ที่เป็นตัวเลขง่าย ๆ

ใช้ข้อมูลเพียงปีเดียวหรือข้อมูลปัจจุบัน แต่ถ้าทำให้ถูกต้องตามทฤษฎีแล้ว จะต้องประมาณ กระแสเงินสดหรือปันผลที่บริษัทจะจ่ายตลอดไปในอนาคต เสร็จแล้วต้องคำนวณ มูลค่าส่วนลดหรือ ค่าปัจจุบันของกระแสเงินทั้งหมดนั้นก็จะได้ว่า มูลค่าหุ้นควรเป็นเท่าไร ซึ่งวิธีคำนวณแบบนี้เป็นเรื่องยากที่คนทั่วไปจะทำได้ ดังนั้นเราจึงเน้นดูตัวเลขง่ายๆ เพียงตัวเดียวเป็นค่า PE หรือพูดง่ายๆ ใช้ค่า E หรือกำไรเพียงปีเดียว

แต่พอเราใช้ค่า PE ไปนาน ๆ เข้าเราก็เลยลืมไปว่าค่า E หรือกำไรต่อหุ้นเพียงปีเดียวนั้น ที่จริงมีสมมุติฐานต่อว่า จะต้องเป็นกำไรที่จะต้องต่อเนื่องไปตลอดไม่มีที่สิ้นสุด และต้องไม่ลดลงหรือหดหายไป และนี่คือสิ่งที่ผมจะพูดในวันนี้ เนื่องจากกำไรบริษัทไม่น้อยเป็นกำไรที่ไม่ต่อเนื่อง บางบริษัทอาจจะกำไรต่อไปเพียงปีสองปี บางบริษัทอาจจะยาวไป 8 ปีหรือ 15 ปี หลังจากนั้นแล้วกำไรอาจจะหายไปมากหรือมีความไม่แน่นอนสูง

ดังนั้น การใช้ค่า PE กำหนดมูลค่าหุ้นอาจไม่ถูกต้อง เฉพาะอย่างยิ่งคือมูลค่าหุ้นสูงเกินความเป็นจริง ทำให้การตัดสินใจซื้อขายหุ้นผิดพลาดไม่เป็น “VI” ปัญหานี้อยากเรียกว่าเป็นการมองกิจการที่ไม่ไกลพอหรือเป็นเรื่องของ นักลงทุนสายตาสั้นมาดูกันว่ามีกิจการหรือบริษัทแบบไหนที่กำไรไม่ต่อเนื่องตลอดไป

บริษัทกลุ่มแรกที่เห็นได้ชัดว่ากำไรน่าจะไม่ต่อเนื่อง คือบริษัทที่มี กำไรพิเศษอาจเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวหรือไม่กี่ครั้ง ส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดจากการขายทรัพย์สินก้อนใหญ่แล้วเกิดกำไรขึ้นมากหรืออย่างมีนัยสำคัญ กรณีแบบนี้ต้องไม่ใช้ค่า PE มาเป็นตัวบอกว่าหุ้นถูกหรือแพง หรือถ้าจะใช้ PE จะต้องตัดกำไรส่วนที่เป็นรายการพิเศษออก ซึ่งจะทำให้มูลค่าหุ้นหายไปมาก

อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังนี้ มักจะเห็นบริษัททำ กองทุนอสังหาริมทรัพย์โดยการขายทรัพย์สินบางส่วนเข้ากองทุน ซึ่งทำให้บริษัทมีกำไรมากขึ้น ผิดปกติซึ่งนักวิเคราะห์หรือนักลงทุนไม่ควรที่จะให้มูลค่ากับกำไรนี้มากนัก

แต่ในบางบริษัทที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าเป็นปกติ และมีทรัพย์สินที่สร้างรายได้ค่อนข้างมากนั้น มักจะขายทรัพย์สินเข้ากองทุนอยู่เรื่อย ๆ บางทีเกือบจะทุกปี ในกรณีแบบนี้เขาอาจอ้างได้ว่ากำไรของเขาที่ได้มาอย่างผิดปกติ อาจกลายเป็นเรื่อง ปกติและดังนั้นน่าจะใช้ค่า PE ในการคำนวณมูลค่าหุ้นได้ แต่สำหรับผมแล้ว คิดว่าเราไม่ควรทำอย่างนั้น

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

“ออมก่อน รวยกว่า” “ตลาดหุ้น” ตัวเลือก “ปลอดภัย”



ตลาดเงิน-ตลาดทุนตั้งท่าผันผวนครึ่งปีหลังโฆสิต-ภาววิทย์-วรวรรณสมาชิกครอบครัวบัวหลวงกระพริบสัญญาณเตือนรีบออมเผื่อมีเรื่องเซอร์ไพร์ส"

เศรษฐกิจไทยชะลอตัว กำลังซื้อหด การเมืองไม่สเถียรภาพ ตลาดหุ้นผันผวน

อาการน่าเป็นห่วง เหล่านี้ ส่อแววจะตั้งเค้า ในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2556 หลังสัญญาณเตือนภัยถูกส่งถี่ขึ้นเรื่อยๆจากคนในแวดวงตลาดเงิน-ตลาดทุน วางแผนการเงินให้ถูกวิธี จึงกลายเป็นเรื่องที่เหล่านักลงทุนมือใหม่หันมาใส่ใจมากขึ้นในยามนี้

ยุคเศรษฐกิจผันผวน เราต้องมีเป้าหมายการเงินชัดเจน ทุกคนต้องบริหารเงินให้เป็นประโยคตอกย้ำความสำคัญของการออมงินของโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ที่พูดบนเวที การเงินมั่นคงกับครอบครัวบัวหลวง

อาจาย์โฆสิต ย้ำว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนมากมาย เราทุกคนอาจต้องใส่ใจเรื่องออมเงินมากขึ้น อันดับแรกต้องรู้จักบริหารเงินให้เหมาะกับความต้องการของตัวเอง ที่สำคัญลงทุนให้เข้ากับยุคสมัย ปัจจุบันครอบครัวคนไทยมีขนาดเล็กลงเมื่อเทียบกับในอดีต แต่แปลกแม้ไซด์จะเล็ก แต่ทำไมภาระค่าใช้จ่ายกลับไม่เล็กตาม (ยิ้ม)

ผมไม่ขอแจกแจงการลงทุนส่วนตัวนะ แต่จะบอกว่าการบริหารจัดการเงิน ถือเป็นเรื่องจำเป็นมาก นับวันจะยิ่งมีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ ในระยะยาว ทุกครอบครัวควรมีสภาพคล่องที่ดี ฉะนั้นจงเลือกลงทุนตามสภาพคล่องของตัวเอง

แพทภาววิทย์ กลิ่นประทุม ในฐานะที่ปรึกษาการลงทุน บล.บัวหลวง และผู้ก่อตั้ง Stock2Morrow เล่าว่า เศรษฐกิจไม่แน่นอน ตลาดหุ้นลุ่มๆดอนๆเยี่ยงนี้!! คนไทยต้องบริหารงานให้ดี ค่าครองชีพสูงขึ้น สังคมเปลี่ยนไป ทำงานอย่างเดียวไม่เพียงพอใช้จ่ายแล้ว ครั้นจะไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ก็แพงหมดแล้ว ที่ดินไม่ต้องพูดเลย ราคาขึ้นสูงมา ทองคำ ราคายิ่งผันผวน ซื้อตอนนี้เหนื่อย!!

 ฉะนั้นออมเงินด้วยหุ้น ทางเดียวที่ดีที่สุด ท่ามกลางเศรษฐกิจเช่นนี้ของถูก ในตลาดหุ้นยังเหลือเพียบ หาดูดีๆ
ส่วนตัวชอบออมเงินในตลาดหุ้นมากสุด เรียกว่าเทหมดเป๋า 100% แบ่งเป็นหุ้นพื้นฐาน 70% ทุกวันนี้ในพอร์ตมีหุ้นประมาณ 10 ตัว อาทิ กลุ่มพลังงาน กลุ่มแบงก์ กลุ่มสื่อสาร เน้นช้อนตัวที่มีเงินปันผลสูงๆประมาณ 6-7% ค่า P/E ไม่สูง ผลประกอบการขยายตัวสม่ำเสมอ

ถามว่าทำไมต้องมีหุ้นหลายกลุ่ม เราต้องกระจายความเสี่ยง ผลตอบแทนของหุ้นพื้นฐาน ถือว่าขยายตัวเรื่อยๆ ขอไม่บอกตัวเลข แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งกำไรจากหุ้นพื้นฐานจะเติบโตแบบก้าวกระโดด

ส่วนที่เหลืออีก 30% จะอยู่ในรูปของหุ้นเทคนิค ไม่เคยจำกัดว่าต้องมีหุ้นประเภทนี้กี่ตัว ช่วงที่ตลาดอยู่ในช่วงขาลงแบบนี้ ผมจะรีบลงทุน มันเป็นช่วง ไทยแลนด์ แกรนด์ เซล (หัวเราะ) หลายคนอาจมองว่า ตอนนี้หุ้นไทยเป็น ขาลง แต่สำหรับผม คือขาขึ้น ในรอบ 1 ปี จะมีวิกฤติเกิดขึ้น 2-3 ครั้ง ถามว่าตลาดหุ้น 6 เดือนหลังจะมีหน้าตาแบบไหน ท่าทางจะผันผวนหนักขึ้นเรื่อยๆ คนที่นิยมเล่นสั้น ต้องเล่นเทคนิคสถานเดียว แต่ถ้ามองรวมๆทั้งปี หุ้นยังคงเป็นขาขึ้น เพราะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะดีขึ้น