3 ตระกูลเจ้าสัวแสนล้าน มรรควิธีบริหารธุรกิจของพวกเขากลายเป็นกรณีศึกษาที่ทั่วโลกสนใจ ไม่ต่างจากหลายบริษัทข้ามชาติ ที่มาจากธุรกิจครอบครัว
ในช่วงที่ผ่านมา เราจะเห็นความเคลื่อนไหวคึกคักของ 3 ตระกูลมหาเศรษฐี “เจียรวนนท์ - สิริวัฒนภักดี และอยู่วิทยา” ผลัดกันเป็นข่าวดังอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับการแผ่อาณาจักรธุรกิจแสนล้านของพวกเขา เลยขอบเขตประเทศไทย สู่ตลาดในภูมิภาคเอเซียและโลก
เพราะรู้ว่าคู่แข่งทางการค้าจะมีมากขึ้นเท่าๆกับขนาดของโอกาสที่เพิ่มมากขึ้น หลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 กลายเป็นความได้เปรียบสำหรับผู้ที่มีความพร้อมจะต่อกรกับยักษ์ข้ามชาติ อย่างน้อยก็ 3 ตระกูลนี้ ที่ถูกจัดเป็นส่วนหนึ่งของ“ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก” ตามการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ นิตยสารธุรกิจชั้นนำของโลก
เลือดนักสู้ บวกทุนที่พกไปเต็มกระเป๋า ขอสู้ยิบตา !
อย่างการปะทะกับ “ไฮเนเก้น” ผู้ผลิตเบียร์อันดับ 3 ของโลก เพื่อช่วงชิงการเป็นผู้นำตลาดเบียร์ในเอเซีย ของตระกูลสิริวัฒนภักดี เป็นอาทิ
ทว่า ไม่เพียงความพร้อมทางการเงิน พวกเขายังต้องถึงพร้อมด้วย "ประสบการณ์" การต่อสู้ “มรรควิธี” ในการรบอย่างไรให้ชนะ ของ 3 ตระกูลเจ้าสัวแสนล้าน ถูกรวบรวมไว้ในหนังสือ “ตระกูลมหาเศรษฐีโลก” ที่เขียนโดย อาจารย์ธนวัฒน์ ทรัพย์ไพบูลย์ นักเขียนสารคดีแนววิเคราะห์เจาะลึก ชีวิต ผลงาน แนวความคิด กลยุทธ์ และวิสัยทัศน์ รวมทั้งปรัชญาการบริหารธุรกิจของนักธุรกิจชั้นนำ โดยเฉพาะตระกูลเจ้าสัว ซึ่งจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ขอเรียบเรียงบางช่วงบางตอนของหนังสือเล่มนี้ เพื่อถ่ายทอดกลเม็ดเคล็บลับในการสร้างฐานะให้ร่ำรวย เป็นมหาเศรษฐีของทั้ง 3 ตระกูล ซึ่งผ่านการเคี่ยวกรำบนเส้นทางชีวิตที่คดเคี้ยวยากลำบาก พบพานกับปัญหามากมายแต่เพราะ “ความสามารถ” ทำให้พลิกวิกฤติเป็นโอกาส นำพาธุรกิจครอบครัว (กงสี) ให้เติบใหญ่ไพศาลทั้งในและต่างประเทศ ในหลากหลายกิจการในเวทีการค้าโลก ขึ้นมาเป็นยักษ์ใหญ่ในธุรกิจเคียบเคียง วอลมาร์ท ฟอร์ด โตโยต้า พานาโซนิค ซัมซุง ซึ่งล้วนเริ่มต้นพัฒนามาจากธุรกิจครอบครัวทั้งสิ้น
นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้เห็นการนำระบบการบริหารจัดการที่ทันสมัย ที่ผสมผสานการบริหารทั้งตะวันตกและตะวันออกมาใช้ดำเนินธุรกิจ อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึง “พลวัต” แห่งการพัฒนาทางธุรกิจการค้าของชาวไทยเชื้อสายจีน ที่ดำเนินธุรกิจภายใต้ระบอบ “ทุนนิยม” แห่งยุคโลกาภิวัตน์