หากคุณผู้อ่านเป็นนักลงทุนอยู่แล้ว..หรือคิดที่จะเริ่มต้นเป็นนักลงทุน
คุณผู้อ่านก็ไม่ควรพลาดอ่านหนังสือ 8 เล่ม
ที่บรรดานักวิจารณ์ทั้งไทยเทศหลายท่านได้ให้ความเห็นว่าเป็นหนังสือที่นักลงทุน..ต้องอ่าน
โดยมีรายละเอียดดังนี้ครับ
หนึ่ง “Security Analysis”
(1934) โดย Benjamin Graham และ David
Dodd
หนังสือเล่มนี้ถือได้ว่าเป็นหนังสืออมตะของบรรดานักลงทุนทั่วโลก และยังถือได้ว่าเป็นคัมภีร์ไบเบิลสำหรับวงการนักลงทุน ซึ่งเขียนโดยกูรูการลงทุนทั้งสองท่าน Benjamin Graham เป็นนักลงทุนและเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่ Columbia University และเป็นอาจารย์ของ Warren Buffett ด้วย ส่วน David Dodd ก็เป็นอาจารย์และเพื่อนร่วมงานของ Graham โดยหนังสือได้ให้ความคิดที่ว่านักลงทุนตัวจริงจะต้องมีสัญชาตญาณของ “นักสืบ” มากกว่า “นักสถิติ” หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นเพื่อช่วยแนะนำแนวทางในการลงทุน หลังจากเกิดมหาวิกฤติเศรษฐกิจของโลกซึ่งมีต้นเหตุมาจากการเก็งกำไรครั้งใหญ่ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก
หนังสือเล่มนี้ถือได้ว่าเป็นหนังสืออมตะของบรรดานักลงทุนทั่วโลก และยังถือได้ว่าเป็นคัมภีร์ไบเบิลสำหรับวงการนักลงทุน ซึ่งเขียนโดยกูรูการลงทุนทั้งสองท่าน Benjamin Graham เป็นนักลงทุนและเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่ Columbia University และเป็นอาจารย์ของ Warren Buffett ด้วย ส่วน David Dodd ก็เป็นอาจารย์และเพื่อนร่วมงานของ Graham โดยหนังสือได้ให้ความคิดที่ว่านักลงทุนตัวจริงจะต้องมีสัญชาตญาณของ “นักสืบ” มากกว่า “นักสถิติ” หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นเพื่อช่วยแนะนำแนวทางในการลงทุน หลังจากเกิดมหาวิกฤติเศรษฐกิจของโลกซึ่งมีต้นเหตุมาจากการเก็งกำไรครั้งใหญ่ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก
สอง
“The
Intelligent Investor” (1949) โดย Benjamin Graham
หนังสือเล่มนี้ได้รับการยกย่องจาก วอร์เรน บัฟเฟตต์ ให้เป็นหนังสือที่ดีที่สุดทางด้านการลงทุน และ Benjamin Graham ก็ได้รับการยกย่องให้เป็น “บิดาแห่งการลงทุน” หนังสือได้แนะนำเทคนิคในการค้นหาราคาหุ้นที่แท้จริง (Intrinsic Value) ของหุ้นนั้นๆ หากราคาหุ้นตกลงมาต่ำกว่าราคาหุ้นที่แท้จริงอย่างมีนัยสำคัญแล้ว ก็จะเป็นโอกาสอันงามของนักลงทุนที่จะเข้าไปเก็บหุ้นดังกล่าว
หนังสือเล่มนี้ได้รับการยกย่องจาก วอร์เรน บัฟเฟตต์ ให้เป็นหนังสือที่ดีที่สุดทางด้านการลงทุน และ Benjamin Graham ก็ได้รับการยกย่องให้เป็น “บิดาแห่งการลงทุน” หนังสือได้แนะนำเทคนิคในการค้นหาราคาหุ้นที่แท้จริง (Intrinsic Value) ของหุ้นนั้นๆ หากราคาหุ้นตกลงมาต่ำกว่าราคาหุ้นที่แท้จริงอย่างมีนัยสำคัญแล้ว ก็จะเป็นโอกาสอันงามของนักลงทุนที่จะเข้าไปเก็บหุ้นดังกล่าว
สาม Common Stocks &
Uncommon Profits & Other Writings (1958) Philip
Fisher
หนังสือเล่มนี้ได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Forbes ให้เป็นหนึ่งในหนังสืออมตะทางด้านการลงทุน ปรัชญาในการลงทุนของ Fisher ที่เกิดขึ้นมาเมื่อ 40-50 ปีก่อน ในปัจจุบันก็ยังสามารถประยุกต์ใช้กับการลงทุนได้เป็นอย่างดี วอร์เรน บัฟเฟตต์ เองเคยกล่าวถึงหนังสือเล่มนี้ไว้ว่า “หลังจากผมอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว...ผมก็อยากจะพบคนที่ชื่อ Philip Fisher .. เมื่อผมพบกับเขาแล้ว..ผมก็รู้สึกประทับใจกับความคิดของคนคนนี้มาก ใครก็ตาม..ที่ได้ศึกษาและใช้เทคนิคของเขาแล้ว จะต้องกลายเป็นนักลงทุนที่ชาญฉลาดอย่างแน่นอน”
ทำให้นึกถึง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่เคยกล่าวถึง “การอ่าน” ว่า เป็นอาวุธในการลงทุน ไว้ว่า “If I’m interested company, I’ll buy 100 shares of all its competitors to get their annual reports.” แปลตามความว่า “ถ้าผมสนใจบริษัทไหน.. ผมจะไปซื้อหุ้นคู่แข่งของบริษัทนั้นๆ เพื่อที่จะได้รายงานประจำปีของบรรดาบริษัทคู่แข่งมาอ่าน” ดังนั้น จะเป็นนักลงทุนที่ดีได้..ต้องพยายามทำให้ตัวเรารัก..การอ่านนะครับ
หนังสือเล่มนี้ได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Forbes ให้เป็นหนึ่งในหนังสืออมตะทางด้านการลงทุน ปรัชญาในการลงทุนของ Fisher ที่เกิดขึ้นมาเมื่อ 40-50 ปีก่อน ในปัจจุบันก็ยังสามารถประยุกต์ใช้กับการลงทุนได้เป็นอย่างดี วอร์เรน บัฟเฟตต์ เองเคยกล่าวถึงหนังสือเล่มนี้ไว้ว่า “หลังจากผมอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว...ผมก็อยากจะพบคนที่ชื่อ Philip Fisher .. เมื่อผมพบกับเขาแล้ว..ผมก็รู้สึกประทับใจกับความคิดของคนคนนี้มาก ใครก็ตาม..ที่ได้ศึกษาและใช้เทคนิคของเขาแล้ว จะต้องกลายเป็นนักลงทุนที่ชาญฉลาดอย่างแน่นอน”
สี่ “ตีแตก”
กลยุทธ์การเล่นหุ้นในภาวะวิกฤติ (2541) โดย
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนขึ้นในปี 2541 ซึ่งเป็นปี “เผาจริง” ของเศรษฐกิจไทย หลังจากที่รัฐบาลไทยประกาศลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 และก่อให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจที่ตามมาอีกหลายปี ซึ่งตลาดหุ้นในเวลานั้น...มีแต่ความเงียบเหงา สิ้นปี 2541 ดัชนีมาอยู่ที่ 365 จุด และมูลค่าหุ้นทั้งตลาดก็มีค่าเพียง 1.3 ล้านล้านบาทเท่านั้น นักลงทุนทั่วไปในสมัยนั้นแทบไม่เคยได้ยินคำว่า “Value Investment” หรือ “การลงทุนแบบเน้นคุณค่า” เลย หนังสือเล่มนี้จึงออกมาในช่วงจังหวะเวลาที่พอดี ซึ่งได้ให้แรงบันดาลใจแก่นักลงทุนไทยที่กำลังสิ้นหวังอยู่ในเวลานั้น และยังให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนแบบเน้นคุณค่าได้เป็นอย่างดี
หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนขึ้นในปี 2541 ซึ่งเป็นปี “เผาจริง” ของเศรษฐกิจไทย หลังจากที่รัฐบาลไทยประกาศลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 และก่อให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจที่ตามมาอีกหลายปี ซึ่งตลาดหุ้นในเวลานั้น...มีแต่ความเงียบเหงา สิ้นปี 2541 ดัชนีมาอยู่ที่ 365 จุด และมูลค่าหุ้นทั้งตลาดก็มีค่าเพียง 1.3 ล้านล้านบาทเท่านั้น นักลงทุนทั่วไปในสมัยนั้นแทบไม่เคยได้ยินคำว่า “Value Investment” หรือ “การลงทุนแบบเน้นคุณค่า” เลย หนังสือเล่มนี้จึงออกมาในช่วงจังหวะเวลาที่พอดี ซึ่งได้ให้แรงบันดาลใจแก่นักลงทุนไทยที่กำลังสิ้นหวังอยู่ในเวลานั้น และยังให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนแบบเน้นคุณค่าได้เป็นอย่างดี
ห้า The Essays of Warren
E. Buffett : Lessons for Corporate America -Warren Buffett
หนังสือเล่มนี้...คุณจะได้อ่านจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของบริษัท Berkshire Hathaway ที่เขียนโดยบัฟเฟตต์เอง Professor Lawrence Cunningham ผู้แต่งหนังสือได้เลือกเอาประโยคและวลีของบัฟเฟตต์ที่กล่าวไว้ในวาระต่างๆ มาเรียบเรียงและจัดหมวดหมู่ใหม่ หนังสือเล่มนี้จะให้แนวความคิดและปรัชญาของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่เกี่ยวกับการบริหารงาน การประเมินค่าของธุรกิจ ปรัชญาในการลงทุน และอื่นๆ
หนังสือเล่มนี้...คุณจะได้อ่านจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของบริษัท Berkshire Hathaway ที่เขียนโดยบัฟเฟตต์เอง Professor Lawrence Cunningham ผู้แต่งหนังสือได้เลือกเอาประโยคและวลีของบัฟเฟตต์ที่กล่าวไว้ในวาระต่างๆ มาเรียบเรียงและจัดหมวดหมู่ใหม่ หนังสือเล่มนี้จะให้แนวความคิดและปรัชญาของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่เกี่ยวกับการบริหารงาน การประเมินค่าของธุรกิจ ปรัชญาในการลงทุน และอื่นๆ
หก “Use the
News” โดย Maria Bartiromo
พิธีกรสาวสวยในรายการโทรทัศน์ “WSJR with MARIA BARTIROMO” รายการที่ฮิตที่สุดรายการหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ในหนังสือ Maria พูดถึงการไหลทะลักมาของข้อมูลข่าวสารอย่างท่วมท้น จนทำให้เราไม่สามารถแยกแยะข้อมูลที่เป็นประโยชน์ออกมาได้ Maria จะชี้ให้เห็นประเด็นของ “News vs. Noise” นั่นคือ ข้อแตกต่างระหว่างข้อมูลข่าวสาร กับ..ขยะข่าวสาร การตื่นเต้นไปกับข่าวสารของนักลงทุนรายย่อย และทำให้การซื้อขายหุ้นเป็นไปตามอารมณ์มากกว่าเหตุผล ในขณะที่นักลงทุนสถาบันที่มีทั้งข้อมูลข่าวสารและกำลังเงินมากกว่า...ก็มักจะฉกฉวยโอกาสทำกำไรจากอารมณ์ดังกล่าวของนักลงทุนรายย่อย
พิธีกรสาวสวยในรายการโทรทัศน์ “WSJR with MARIA BARTIROMO” รายการที่ฮิตที่สุดรายการหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ในหนังสือ Maria พูดถึงการไหลทะลักมาของข้อมูลข่าวสารอย่างท่วมท้น จนทำให้เราไม่สามารถแยกแยะข้อมูลที่เป็นประโยชน์ออกมาได้ Maria จะชี้ให้เห็นประเด็นของ “News vs. Noise” นั่นคือ ข้อแตกต่างระหว่างข้อมูลข่าวสาร กับ..ขยะข่าวสาร การตื่นเต้นไปกับข่าวสารของนักลงทุนรายย่อย และทำให้การซื้อขายหุ้นเป็นไปตามอารมณ์มากกว่าเหตุผล ในขณะที่นักลงทุนสถาบันที่มีทั้งข้อมูลข่าวสารและกำลังเงินมากกว่า...ก็มักจะฉกฉวยโอกาสทำกำไรจากอารมณ์ดังกล่าวของนักลงทุนรายย่อย
เจ็ด “Value
Investing Made Easy” โดย Janet Lowe
แปลเป็นไทยแล้วโดยมีชื่อว่า “กลยุทธ์การลงทุนแบบเน้นคุณค่า” โดย พรชัย รัตนนนทชัยสุข ผู้เขียนเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงหนังสือที่ชื่อ “Benjamin Graham on Value Investing: Lessons from the Dean of Wall Street” โดยเธอได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือเล่มนี้มาก โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์หลักทรัพย์ เรื่องราวชีวิต และพัฒนาการทางปรัชญาการลงทุน อย่างไรก็ตาม เธอพบว่าหนังสือเล่มดังกล่าวออกจะยากในการทำความเข้าใจ เธอจึงตัดสินใจเขียนขึ้นมาใหม่ตามแนวทางของเธอ ซึ่งจะให้ข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่ายกว่า และนั่นคือ...ที่มาของหนังสือเล่มนี้
แปลเป็นไทยแล้วโดยมีชื่อว่า “กลยุทธ์การลงทุนแบบเน้นคุณค่า” โดย พรชัย รัตนนนทชัยสุข ผู้เขียนเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงหนังสือที่ชื่อ “Benjamin Graham on Value Investing: Lessons from the Dean of Wall Street” โดยเธอได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือเล่มนี้มาก โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์หลักทรัพย์ เรื่องราวชีวิต และพัฒนาการทางปรัชญาการลงทุน อย่างไรก็ตาม เธอพบว่าหนังสือเล่มดังกล่าวออกจะยากในการทำความเข้าใจ เธอจึงตัดสินใจเขียนขึ้นมาใหม่ตามแนวทางของเธอ ซึ่งจะให้ข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจได้ง่ายกว่า และนั่นคือ...ที่มาของหนังสือเล่มนี้
แปด “เคล็ดลับเซียนหุ้นบันลือโลก” (2554) โดย วิบูลย์
พึงประเสริฐ
เนื้อหาหลักของหนังสือเล่มนี้เป็นการนำแนวคิดและหลักการลงทุนของเซียนหุ้นระดับปรมาจารย์ของโลกทั้งในอดีตและปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น เบนจามิน เกรแฮม วอร์เรน บัฟเฟตต์ ปีเตอร์ ลินช์ ชาร์ลี มังเจอร์ ฟิลลิป พิชเชอร์ และอีกหลายท่านมารวมไว้ด้วยกันในเล่มเดียว จึงเหมาะสำหรับคุณผู้อ่านที่เริ่มต้นเป็นนักลงทุนใหม่ จุดที่ผมชอบหนังสือเล่มนี้อีกข้อหนึ่ง ก็คือ ภาคผนวกของหนังสือเล่มนี้ที่ว่า “ซื้อหุ้น...คือ การซื้อธุรกิจ” ซึ่งให้แนวคิดในการลงทุนแบบเน้นคุณค่าได้เป็นอย่างดี
เนื้อหาหลักของหนังสือเล่มนี้เป็นการนำแนวคิดและหลักการลงทุนของเซียนหุ้นระดับปรมาจารย์ของโลกทั้งในอดีตและปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น เบนจามิน เกรแฮม วอร์เรน บัฟเฟตต์ ปีเตอร์ ลินช์ ชาร์ลี มังเจอร์ ฟิลลิป พิชเชอร์ และอีกหลายท่านมารวมไว้ด้วยกันในเล่มเดียว จึงเหมาะสำหรับคุณผู้อ่านที่เริ่มต้นเป็นนักลงทุนใหม่ จุดที่ผมชอบหนังสือเล่มนี้อีกข้อหนึ่ง ก็คือ ภาคผนวกของหนังสือเล่มนี้ที่ว่า “ซื้อหุ้น...คือ การซื้อธุรกิจ” ซึ่งให้แนวคิดในการลงทุนแบบเน้นคุณค่าได้เป็นอย่างดี
ทำให้นึกถึง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่เคยกล่าวถึง “การอ่าน” ว่า เป็นอาวุธในการลงทุน ไว้ว่า “If I’m interested company, I’ll buy 100 shares of all its competitors to get their annual reports.” แปลตามความว่า “ถ้าผมสนใจบริษัทไหน.. ผมจะไปซื้อหุ้นคู่แข่งของบริษัทนั้นๆ เพื่อที่จะได้รายงานประจำปีของบรรดาบริษัทคู่แข่งมาอ่าน” ดังนั้น จะเป็นนักลงทุนที่ดีได้..ต้องพยายามทำให้ตัวเรารัก..การอ่านนะครับ
โดย : ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ http://bit.ly/z59OeV
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น