วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556




9 กูรู"บูมเชียร์" หุ้นไทย ทองคำไม่เจ๋งอย่ายุ่ง

มีเงิน แต่คิดไม่ตกว่าสินทรัพย์ใดหนอ จะสร้างผลตอบแทนคุ้มค่า บนความผันผวน ตลาดทุน-ทอง-ค่าบาท-ดอกเบี้ย กูรูฟันธง"ตลาดหุ้น" ยังน่าสนใจที่สุด

ทองลง หุ้นผันผวน บาทแข็ง ดอกเบี้ยต่ำ สถานการณ์เยี่ยงนี้เม่าน้อยมือใหม่คงมืดแปดหน้า มีเงินแต่ไม่รู้จะ ต่อยอดเงินในสินทรัพย์ประเภทใด ทุกตลาดพร้อมใจ ตกอยู่ในอาการ ผันผวนเกินคาดเดา

ในมุม ตลาดหุ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เหล่ากูรูออกมาตบโต๊ะทำนาย SET INDEX 1,700 จุด สิ้นปีนี้ ได้เห็นแน่!! หลังสร้างสถิติสูงสุดรายวัน ล่าสุดปิดตลาดสูงสุด”1,598 จุด (15 มี.ค.56) ยิ้มได้ไม่นาน ดัชนีก็ทยอยปรับตัวลดลงมาแตะจุดต่ำสุด”1,470 จุด ในช่วงเดือนเม.ย.

เซียนทองคำออกมาฟันธงเอาใจ แฟนพันธุ์แท้คุณมีโอกาสสัมผัสราคา 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์!! สุดท้ายเจอแรงเทขายทองคำของไซปรัส ส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุน ทำให้ในช่วงวันที่ 12-16 เม.ย.ที่ผ่านมา ราคาทองคำในตลาดโลกอ่อนตัวลงกว่า 200 เหรียญต่อออนซ์

 ล่าสุด ผู้รู้ออกมาส่งสัญญาณรอบใหม่ สิ้นปี 56 ราคาทองคำ อาจทำได้ดีสุดที่ระดับ 1,520 เหรียญต่อออนซ์ ขณะที่บางรายทำนาย ต่ำสุด” 1,100 เหรียญต่อออนซ์

ส่วน ค่าเงินบาทในช่วง 3 เดือนผ่านมา (ก.พ.-เม.ย.) แข็งค่าไปแล้วประมาณ 6-7% สูงสุดในภูมิภาค จากระดับ 29.81 บาทต่อดอลลาร์ในเดือนก.พ.56 มาอยู่ที่ 29.74 บาท ในเดือนมี.ค.และ 29.23 บาท ก่อนจะลงลึกไปแตะ 28.54 บาทในเดือนเม.ย.และขยับเป็น 29.28 บาท

ค่าบาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อไปจาก 3 ปัจจัย เศรษฐกิจที่ดีของเอเซียและอาเซียน สภาพคล่องทั้งในสหรัฐ ยุโรปและญี่ปุ่นไหลกลับเข้ามาลงทุน และแรงกดดันจากการเก็งกำไรที่เข้ามาสมทบคำทำนายของ กอบศักดิ์ ภูตระกูลผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL)

ด้าน ดอกเบี้ยเงินฝาก คงในระดับไม่ถึง 4% (ฝากประจำ24 เดือน)

โจ" อนุรักษ์ บุญแสวง นายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) เจ้าของพอร์ตลงทุน 9 หลัก วิเคราะห์เรื่องนี้ให้ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” ฟังว่า ความผันผวนของสินทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น หรือทองคำ ถือเป็นเรื่องปกติ การลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของนักลงทุน

อยาก ชนะความผันผวน ข้อมูลต้องแน่น ถ้ามั่นใจจะกลัวทำไม!!

หุ้น-ทองคำจะขึ้นหรือลง หากคุณไม่ยึดติดในเรื่องของ ราคามากไปกว่าความมั่นใจในข้อมูล ลงทุนอย่างไรก็ได้ กำไรเชื่อสิ!! หลักการลงทุนแนว VI เราไม่เคยสนใจราคามากไปกว่าพื้นฐาน วีไอของจริงมักซื้อหุ้นตอนมีข่าวร้ายชั่วคราวและขายหุ้นช่วงมี ข่าวดีชั่วคราวเช่น มีกำไรจากรายการพิเศษ เป็นต้น

โจ ลูกอีสาน นามแฝงในเว็บไซต์ Thaivi ถือโอกาสแนะนำมือใหม่ที่มีอายุไม่เกิน 40 ปี ว่า คุณควรลงทุนในตลาดหุ้น 100% แบ่งเป็นลงทุนด้วยตัวเอง 50% ที่เหลืออีก 50% นำไปลงทุนผ่านกองทุนรวมต่างๆ

ถามว่าทำไมถึงให้น้ำหนักไปในฝั่งตลาดหุ้น? จะเล่าสถิติให้ฟัง ตลอด 38 ปี นับตั้งแต่ตลาดหุ้นก่อตั้งในปี 2518 “หุ้นไทยให้ผลตอบแทน 94 เท่า หรือคิดเป็นผลตอบแทนทบต้น 12-13% ต่อปี


บทเรียนจากกรุงปราก

โดย : ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

ช่วงสงกรานต์ ผมได้ไปท่องเที่ยว สาธารณรัฐเช็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรุงปราก ที่เป็นเมืองหลวงของประเทศ และเช่นเคย นอกจากความบันเทิงหย่อนใจแล้ว

ผมมัก วิเคราะห์ ถึงประวัติศาสตร์ ความเป็นไป สถานะปัจจุบัน และคิดไปถึงอนาคตว่าประเทศหรือดินแดนที่กำลังเดินอยู่นั้น จะเป็นอย่างไรต่อไป แต่มันคงไม่มีความหมายมากนัก หากผมจะไม่โยงมาว่าข้อมูลที่ได้จากการศึกษาเมืองปรากนั้นมันมีความหมายอะไรกับเมืองไทย ลองมาดูกัน

ข้อแรกที่เห็นคือ กรุงปรากนั้นดูเหมือนจะยังเป็นเมือง โบราณ เพราะอาคารบ้านเรือนและร้านค้าต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นตึกเก่าที่อาจจะสร้างมาแล้วหลายร้อยปี หรือบางแห่งอาจจะเป็นพันปี ตึกเหล่านี้สวยงามเต็มไปด้วยศิลปะ แต่ที่สำคัญยังใช้งานอยู่ในปัจจุบัน และแน่นอนว่าทุกอย่างภายในอาคาร มีการปรับปรุงใส่เครื่องมืออุปกรณ์ของโลกสมัยใหม่ ที่ทำให้มันทันสมัยมีประสิทธิภาพในการอยู่อาศัยและทำงานในโลกสมัยใหม่

ข้อนี้ถ้าจะพูดไปมีความละม้ายคล้ายกับเมืองหลวงของหลายประเทศในยุโรป ที่มีการอนุรักษ์อาคารและของเก่าๆ ไว้ ซึ่งผลพลอยได้ที่สำคัญคือ ทำให้เมืองสวยและน่าท่องเที่ยว ความแตกต่างของกรุงปรากเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ในยุโรป คือปรากนั้นแทบไม่มีตึกสูงเลย และบ้านเรือนที่อยู่อาศัยก็ไม่แออัด นี่ทำให้ปรากเป็นเมือง สบาย ๆ ที่ดูผ่อนคลาย

เมืองอาจจะไม่มีอะไรที่ ยิ่งใหญ่ ระดับโลก แต่มีทุกอย่างครบ ไล่ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ของโบฮีเมียน ไปจนถึงการแสดงละครเวทีและโอเปร่าชั้นนำและพิพิธภัณฑ์ที่มีอยู่มากมาย สถานที่ชอปปิงของที่ระลึกสวยงามน่าสนใจ ทำให้การท่องเที่ยวน่าจะเป็นรายได้หลักอย่างหนึ่งของเช็ก

สิ่งที่ทำให้ผมทึ่งอย่างหนึ่ง เมื่อเดินตามสถานที่ท่องเที่ยวของปราก คือ ร้านนวดแบบไทยซึ่งเสนอการนวดทุกประเภท เช่น นวดแผนโบราณ นวดน้ำมันหรือนวดฝ่าเท้า โดยพนักงานที่ผมดูแล้วน่าจะเป็นคนไทย ที่เดินทางไปจากเมืองไทยเป็นส่วนใหญ่ ราคาค่านวดนั้นถ้าใช้มาตรฐานของฝรั่งแล้วถือว่าไม่แพง ราคาเริ่มต้นอาจจะ 300-400 บาทไทย ไม่ต่างจากเมืองไทยมากนัก เพียงแต่เวลาอาจจะสั้นกว่า

สิ่งที่ทำให้ผมทึ่งนั้นไม่ใช่ว่าเจอร้านนวดไทย แต่ทึ่งเพราะมันมีค่อนข้างมากเห็นทั่วไปหมด คิดว่าร้านนวดนั้นน่าจะเป็นเป็นธุรกิจที่ดีมากในเมืองท่องเที่ยวแถบประเทศยุโรปที่มีอากาศหนาวเย็น ที่คนเดินเที่ยวกันมากจะรู้สึกเมื่อยอยากพักนวด การที่มีร้านนวดแบบไทยที่นักท่องเที่ยว ทั่วโลก เห็นและคุ้นเคยนั้น ผมคิดว่าเป็น ทรัพย์สิน ที่ประเทศไทยควรใช้ให้เป็นประโยชน์