วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2555

หนังสือคลาสสิค



หนังสือการลงทุนที่ผมจะพูดต่อไปนี้ผมคิดว่าเป็นหนังสือคลาสสิค เหตุผลสำคัญก็คือ  มันเป็นหนังสือที่เป็น  “Original”  นั่นคือ  เป็นหนังสือเล่มแรก ๆ  ที่เขียนเกี่ยวกับแนวความคิดที่สำคัญที่ต่อมาได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง  หรือมันเป็นหนังสือที่เล่าเรื่องของบุคคลสำคัญได้อย่างมีแง่มุมที่แหลมคมเป็นบทเรียนสำหรับคนรุ่นใหม่  หรือมันเป็นหนังสือที่ประยุกต์ความรู้และวิชาการลงทุนมาเขียนให้คนทั่วไปอ่านอย่างเข้าใจได้ง่าย  ต่าง ๆ  เหล่านี้  เป็นต้น           

--- เล่มแรกก็คือ  The Intelligent Investor โดย เบน เกรแฮม  นี่คือสุดยอดหนังสือคลาสสิคที่พูดถึงการลงทุนแบบ Value Investment  ซึ่งได้สร้าง  Value Investor หรือนักลงทุนเน้นคุณค่าขึ้นทั่วโลก  ว่าที่จริง  มันสร้างสิ่งที่เรียกว่า  “การวิเคราะห์หลักทรัพย์สำหรับการลงทุน”  ของนักลงทุนทั่วไปให้เกิดขึ้น  ทั้งนี้เพราะก่อนหน้าที่จะมีหนังสือเล่มนี้   การวิเคราะห์หลักทรัพย์นั้น  ยังแทบจะไม่มีใครทำ  นักลงทุนเล่นหุ้นโดยการฟังข่าวและอาจจะสนใจแต่เรื่องของภาวะเศรษฐกิจมากกว่าจะดูถึงมูลค่าพื้นฐานของกิจการ   หนังสือเล่มนี้เป็นพื้นฐานสำคัญของการลงทุนในหลักทรัพย์  ซึ่งนอกจากจะพูดถึงการวิเคราะห์คำนวณหาตัวเลขแล้วยังบอกถึงความสำคัญของจิตวิทยาการลงทุนของนักลงทุนด้วย           

---เล่มที่สองคือ  Common Stocks and Uncommon Profits and Other Writings โดย ฟิลลิป ฟิสเชอร์  นี่เป็นหนังสือการลงทุนเล่มแรก ๆ  ที่พูดถึงการลงทุนในกิจการที่ดีสุดยอด  ซึ่งกลายเป็นแนวความคิดของกลุ่มนักลงทุนที่เน้นกิจการที่โตเร็วหรือที่เรียกว่า  Growth Investment ซึ่งต่อมากลายเป็นแนวความคิดที่นักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนมืออาชีพส่วนใหญ่นิยมยึดถือเป็นหลัก           

---เล่มที่ 3  คือ  A Random Walk Down Wall Street โดย  Burton Malkiel  นี่คือหนังสือที่เขียนขึ้นโดยอิงจากการศึกษาทางวิชาการลงทุนที่บอกว่า  ตลาดหุ้นนั้นมีประสิทธิภาพสูงมากและมันสามารถกำหนดราคาของหลักทรัพย์ทุกตัวให้มีราคาที่เหมาะสม  ดังนั้น  ไม่มีใครสามารถที่จะหาหุ้นราคาถูกกว่ามูลค่าพื้นฐานได้อย่างต่อเนื่อง  และดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะไปวิเคราะห์หุ้นเป็นรายตัวแต่ควรลงทุนหุ้นให้กระจายไปหลาย ๆ  ตัว  เช่น ลงทุนในกองทุนรวมที่อิงดัชนีเป็นต้น  หัวใจสำคัญอีกอย่างหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ก็คือ  มันให้ข้อมูลและประวัติศาสตร์การลงทุนที่ดีมาก  ทำให้นักลงทุนเข้าใจภาพใหญ่ของการลงทุนและสามารถตัดสินได้ว่าจะทำอย่างไรกับการลงทุนของตนเอง           


---เล่มที่ 4  คือ  One Up On Wall Street โดย ปีเตอร์ ลินช์ กับ John Rothchild  นี่เป็นหนังสือคลาสสิคที่ยังค่อนข้างใหม่  แต่สิ่งที่ทำให้มันเป็นหนังสือคลาสสิคนั้นน่าจะอยู่ที่ว่า  มันถูกเขียนโดยนักบริหารกองทุนรวมหุ้นที่ประสบความสำเร็จ  “สูงที่สุดในโลก”  แต่สิ่งที่มันเผยออกมาก็คือ  “คนธรรมดาก็สามารถที่จะทำได้”  หนังสือเล่มนี้เขียนได้สนุกและอ่านง่าย  มันมีตัวเลขน้อยมาก  แต่อาศัย  Common Sense หรือสามัญสำนึกมากกว่า  และถ้าให้เดา  ผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะขายดีเป็นอันดับต้น ๆ  ของหนังสือการลงทุนตลอดกาล           

---เล่มที่ 5  คือ  Technical Analysis of Stock Trends โดย Robert Edwards และ John Magee  นี่คือหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เป็นเหมือน “คู่มือ”  มาตรฐานของนักวิเคราะห์ทางเทคนิค  มันอธิบายการวิเคราะห์อย่างยืดยาวและครอบคลุมคล้าย ๆ  กับหนังสือ  Securities Analysis ของ เบน เกรแฮม  ที่พูดถึงเรื่องการวิเคราะห์หุ้นแบบพื้นฐาน   ส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้เคยอ่านหนังสือเล่มนี้เนื่องจากไม่ได้เชื่อถือในเรื่องของการวิเคราะห์ทางเทคนิค  อย่างไรก็ตาม  นักวิเคราะห์ทางเทคนิคน่าจะต้องรู้จักมันเป็นอย่างดี           

---เล่มที่ 6  คือ  Reminiscences of a Stock Operator โดย Edwin Lefevre นี่เป็นหนังสือที่เขียนเป็นแบบนิยาย  แต่น่าจะอิงหรือเป็นการเล่าเรื่องราวและชีวิตการลงทุนของ  Jesse Livermore  ซึ่งเป็นนักเล่นหุ้นและเก็งกำไรระดับโลกที่มีชีวิตที่มีสีสัน  เคยร่ำรวยระดับประเทศและล้มละลายหลายครั้งจนสุดท้ายฆ่าตัวตาย  หนังสือบอกให้เห็นถึงการเริ่มต้นเข้าสู่การเล่นหุ้นในฐานะของเด็กยากจนต่ำต้อยจนก้าวขึ้นสู่  “ราชันย์”  ในวงการหุ้นและหลักทรัพย์ในสมัยที่ตลาดอเมริกายังไม่ได้พัฒนาแบบทุกวันนี้แต่คล้าย  ๆ กับประเทศกำลังพัฒนาที่ยังไม่มีกฎระเบียบในการควบคุมธุรกิจมากนัก           

---เล่มที่ 7  คือ  Buffet: the Making of an American Capitalist โดย Roger Lowenstein  นี่คือหนังสือที่บอกเล่าประวัติและผลงานของบัฟเฟตต์อย่างละเอียดเป็นเล่มแรก ๆ  และนั่นอาจจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้มันเป็นหนังสือคลาสสิค  และแม้ว่าเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว  บัฟเฟตต์จะอนุญาตและร่วมมือในการเขียนหนังสือประวัติของตนเองชื่อ  the Snowball  โดย  Alice Schroeder  เราก็คงต้องดูกันต่อไปว่ามันจะกลายเป็นหนังสือคลาสสิคได้หรือไม่  เหตุผลก็คือ  ประวัติของบัฟเฟตต์นั้นมีการพูดถึงกันมามากก่อนหน้านี้  ซึ่งทำให้ the Snowball อาจจะไม่เด่นมากอย่างที่คาด           

---เล่มที่ 8 The Money Master และ The New Money Master โดย John Train  นี่เป็นหนังสือที่นำเสนอประวัติและกลยุทธ์การลงทุนของเซียนหุ้นแถวหน้าแห่งยุคสมัยหลาย ๆ  คนในเล่มเดียวกัน  และก็เช่นเคย  มันเป็นหนังสือเล่มแรก ๆ  ที่เขียนได้ดีและมีมุมมองที่เฉียบคม  ดังนั้น  มันจึงกลายเป็นหนังสือคลาสสิค  แม้ว่าจะมีหนังสือแนวนี้ออกมาในภายหลังมันก็เป็นเพียงผู้ตามและก็คงยากที่จะกลายเป็นหนังสือคลาสสิคได้           

สุดท้ายก็คือคำถามที่ว่า  เราจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องอ่านหนังสือคลาสสิคถ้าจะเป็นนักลงทุนที่มุ่งมั่น  คำตอบของผมก็คือ  ไม่จำเป็น  เพราะบ่อยครั้ง  หนังสือคลาสสิคก็  “อ่านยาก”  เนื่องจากบางเล่มก็เก่ามากและใช้ภาษาสำนวนที่ค่อนข้างเก่า  บางเล่มนั้นผู้เขียนก็ไม่ได้ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายเนื่องจากเขาอาจจะเป็นนักวิชาการมากกว่านักเขียน  แต่สิ่งสำคัญก็คือ  ถ้าเนื้อหาในหนังสือคลาสสิคนั้นมีความสำคัญต่อความเข้าใจของเรามาก  เราจะต้องหาหนังสือที่  Simplify หรือเขียนอธิบายแนวความคิดนั้นอย่างง่ายมาอ่าน  ซึ่งก็โชคดีที่ปัจจุบันมีหนังสือแบบนี้มากมายทำให้เราไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือคลาสสิคเราก็ยังเข้าใจแนวคิดของมันได้    อย่างไรก็ตาม  ผมก็ยังคิดว่า  ถ้าจะให้ดี  เราก็ควรจะอ่านหนังสือคลาสสิคด้วย  สักจบหนึ่งก็ยังดี  เพื่อที่จะได้ “คุย”  ได้ว่า  เราเคยอ่านมาแล้ว 


จาก http://portal.settrade.com/blog/nivate/2012/01/09/1090

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น