วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2555

Role Model เซียนหุ้น GEN Y ภาววิทย์ กลิ่นประทุม - สถาพร งามเรืองพงศ์”

Role Model เซียนหุ้น GEN Y “ภาววิทย์ กลิ่นประทุม - สถาพร งามเรืองพงศ์


สองนักลงทุนหนุ่มที่กำลังมาแรง อุทิศเวลาให้กับการเผยแพร่แนวความคิดด้านการลงทุนที่ถูกต้องให้กับแฟนคลับนักลงทุนรุ่นใหม่เป็นจำนวนมาก

ประวัติ "แพท" ภาววิทย์ กลิ่นประทุม เป็นหลาน วีระ รมยะรูปอดีตกรรมการและผู้ร่วมก่อตั้ง ธนาคารกรุงเทพ (เพิ่งเสียชีวิต) นอกจากแพทจะงานประจำที่แบงก์กรุงเทพในฐานะผู้ดูแลโครงการทายาทธุรกิจ เขายังมีอีกบทบาทหนึ่งในฐานะนักลงทุนแนวหุ้นคุณค่า (วีไอ) และเป็นเจ้าของหนังสือขายดีระดับเบสท์เซลเลอร์ แกะรอยหยักสมอง รวยหุ้นหมื่นล้านที่พิมพ์ออกมาแล้วสามเล่ม ล่าสุดที่เพิ่งวางแผงคือ คลินิกหุ้นมือใหม่” 
นอกจากนี้ เขายังเป็นวิทยากรแนะนำการลงทุนด้วยปัจจัยพื้นฐานให้กับคอร์สอบรมที่จัดขึ้นโดยเว็บไซต์สต็อก ทูมอร์โรว์ สิ่งที่ แพทเขียนลงไปในหนังสือคือ ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสกลับไปทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งที่ระดับ 1,700 จุด  ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจเอเชียที่กำลังจะเป็น Asian Miracle รอบที่สอง คนที่ฉลาดโดยเฉพาะกลุ่ม GEN Y จึงมีโอกาสสร้างความมั่งคั่งได้จากตลาดหุ้น เพื่อที่จะไม่ตกขบวนรถไฟรอบใหญ่นี้ เขามีความตั้งใจที่จะเสริมความรู้ด้านการลงทุนให้กับกลุ่ม GEN Y คนรุ่นเดียวกับเขาให้มีความ ฉลาดที่จะไม่ตกเป็นแมลงเม่าง่ายๆ โดยเจ้าตัวให้ความมั่นใจว่าใครก็ตามที่สามารถอยู่รอดในตลาดหุ้นได้ถึง 20 ปีย่อมมีโอกาสสร้างความรวยได้แน่นอน
ตอนนี้คนรุ่นใหม่สนใจลงทุนในหุ้นมากขึ้น ทำให้สนใจที่จะศึกษาหาความรู้ด้านนี้มากขึ้นทั้งทางปัจจัยพื้นฐาน การวิเคราะห์กิจการ รวมถึงการใช้เครื่องมือทางเทคนิค
เขาบอกว่า ช่วงแรกของการลงทุนในตลาดหุ้นสนใจแต่แนวทางแวลูอินเวสเตอร์อย่างเดียว แต่พอได้มารู้จักเว็บไซต์สต็อกทูมอร์โรว์ ทำให้ได้เรียนรู้แนวทางการลงทุนในหลากหลายมิติมากขึ้น เช่น  “หยง" ธำรงค์ชัย เอกอมรวงศ์ เทรดเดอร์ที่นิยมการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ในต่างประเทศ และ  "ปุย" ประกาศิต ทิตาราม เจ้าของกิจการที่เชี่ยวชาญการใช้ปัจจัยทางเทคนิค และต่อมาทั้งสองก็เป็นวิทยากรอบรมเรื่องการใช้เครื่องมือทางเทคนิคของเว็บไซต์ รวมถึงนักลงทุนหน้าใหม่เก่งๆ หลายคนมาช่วยกันโพสต์บทความที่เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนลงในเว็บไซต์
เป้าหมายในอนาคตของภาววิทย์ ส่วนตัวเขาต้องการสร้างความมั่งคั่งผ่านตลาดหุ้นอย่างช้าๆ แต่มั่นคง ขณะเดียวกันยังมีเป้าสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ในด้านการลงทุน ตามแนวทางของเว็บไซต์สต็อกทูมอร์โรว์ที่ต้องการสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถให้เป็นต้นแบบของสังคมนักลงทุน
 ปัจจุบันเว็บไซต์แห่งนี้มีสมาชิกประมาณ 2,000 คน ภาววิทย์เชื่อว่า ถ้าเราเป็น "ผู้ให้" เราก็จะได้รับสิ่งนั้นกลับคืนมา เขาอยากจะเห็นนักลงทุนไทยเพิ่มจำนวนเป็นประมาณ 1 ล้านคน "ตอนนี้แค่แสนกว่าคนยังเป็นแมลงเม่า" ถ้าตลาดโตขึ้นนักลงทุนน่าจะได้ผลตอบแทนที่ดีกันทุกคน เขาเห็นเช่นนั้น
                ผมคิดว่าการเป็นวีไอคือการปลูกต้นสักหนึ่งต้นต้องใช้เวลา 20 ปี ให้มันค่อยๆ โต แต่ถ้าคุณรักจะปลูกถั่วงอก (เล่นเดย์เทรด) มันอาจมีอายุแค่ 1 วันก็ตายแล้วมันไม่มีความแน่นอน เอาว่าอีก 20 ปี ค่อยมาสัมภาษณ์ผมใหม่ว่าที่พูดไว้จะเป็นจริงได้ไหม
อีกหนึ่งเซียนหุ้นแนววีไอ คือ "ฮง" สถาพร งามเรืองพงศ์ แม้มีอายุเพียง 25 แต่มีประสบการณ์ในตลาดหุ้นมาตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่งในมหาวิทยาลัย เริ่มลงทุนเพราะเห็นเพื่อนสามารถทำกำไรจากตลาดหุ้นในเวลารวดเร็ว ช่วงแรกของการเริ่มลงทุนมีอุปสรรคที่อายุยังน้อยทำให้ไม่ได้รับการยอมรับจากทั้งโบรกเกอร์ที่ไม่ยอมให้เขาเข้าฟังสัมมนา ขณะเดียวกันครอบครัวเขามองว่าหุ้นคือการพนัน แต่เขาก็มั่นศึกษาหาความรู้ด้านการลงทุนโดยมี วอร์เรน บัฟเฟตต์และ ปีเตอร์ ลินช์สองปรมาจารย์ด้านการลงทุนที่เน้นคุณค่าเป็นไอดอล จากเงินเริ่มต้น 1 แสนบาทที่เก็บสะสมมาตั้งแต่เรียน พอร์ตของฮงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเกิดวิกฤติเลแมนบราเดอร์ส ตลาดหุ้นตกลงไปอย่างหนักขณะที่หุ้นดีๆ หลายตัวถูกเทขายไปด้วย จึงเป็นโอกาสของแวลูอินเวสเตอร์ที่จะเข้าไปซื้อหุ้นดีในราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง จนปัจจุบันพอร์ตของเขามีมูลค่าหลายสิบล้านบาท
                เจ้าตัวมีความตั้งใจว่าภายใน 10 ปี พอร์ตของเขาจะต้องแตะ 300 ล้านบาท !! 
แม้ที่บ้านจะมีธุรกิจครอบครัวปลูกต้นลีลาวดีขายในย่านพระรามสอง แต่เจ้าตัวพร้อมที่จะเดินบนเส้นทางของนักลงทุนแบบ Full Time หลังพบว่าเส้นทางนี่คือทางที่ ใช่แล้ว
อีกบทบาทหนึ่ง ฮง ยังเป็นวิทยากรให้ความรู้ด้านการลงทุนกลุ่มเล็กๆ และใช้ชื่อ Hongvalue ในเว็บบอร์ดของเว็บไซต์ไทยวีไอดอทคอมและบนทวิตเตอร์ ถือได้ว่าเป็นนักลงทุนรุ่นใหม่ที่มีแฟนคลับติดตามจำนวนมาก ความตั้งใจของเขาคือการร่วมสร้างนักลงทุนแนวหุ้นคุณค่ารุ่นใหม่ให้มีโอกาสร้างความมั่งคั่งจากตลาดหุ้นเหมือนกับเขาด้วย

ธุรกิจ : BizWeek  วันที่ 23 มีนาคม 2555 14:30

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น