ธุรกิจที่กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในช่วงนี้ ก็คือ ธุรกิจสื่อสารมวลชน
ต้นเหตุสำคัญ ก็คือ การเกิดขึ้นของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ประกอบกับการพัฒนาทางด้านของเทคโนโลยีการสื่อสารและคอมพิวเตอร์ที่ทำให้สามารถขยายช่องทางของการสื่อสารออกไปมหาศาล ทำให้ต้นทุนของการสื่อสารต่ำลงไปมากในขณะที่คุณภาพของภาพและเสียงกลับสูงขึ้นมากการเกิดขึ้นของ กสทช. และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้ “การผูกขาด” ของสื่อที่มีมานานในประเทศไทยหมดหรือเกือบหมดไป ในอนาคตอีกไม่นานเราจะมีผู้เล่นหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะในด้านของโทรทัศน์ที่จะมีสถานีหรือช่องทีวีใหม่เป็นร้อย ๆ ช่อง ที่ส่งถึงผู้ชมได้ทั่วประเทศ ผ่านเครื่องมือสื่อสารต่างๆ ตั้งแต่ระบบดั้งเดิมที่เป็นเสาอากาศ ดาวเทียม สายเคเบิล และทางอินเทอร์เน็ต แต่ละช่องมีต้นทุนในการดำเนินการที่ต่ำมาก ดังนั้น การแข่งขันที่จะ “แย่งผู้ชม” จะรุนแรงมาก โดยที่กลยุทธ์สำคัญที่สุดในการดึงดูดคนดู ก็คือ การใช้ Content หรือเนื้อหาหรือข้อมูลที่น่าสนใจสำหรับผู้เข้ามาชม การแข่งขันเพื่อที่จะเอาชนะคู่แข่งในเกมที่น่าตื่นตาตื่นใจในครั้งนี้ผมอยากจะเรียก ว่า “ศึกชิงตา” นั่นก็คือ ผู้ให้บริการทั้งหลายต่างก็ต้องพยายามยึด “สายตา” ของคนในประเทศให้มาดูรายการ หรือ Content ของตนเองให้มากที่สุด เพราะจำนวนคนดูจะเป็น “รายได้” ที่กิจการจะได้รับที่จะมาจากการโฆษณา ค่าบริการ และอื่นๆ
ประเด็นที่จะต้องตระหนักมากที่สุด ก็คือ ในขณะที่มีบริษัทและช่องทางใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมากมายที่จะเข้ามาช่วงชิง “ตา” แต่จำนวน “ตา” นั้น กลับมีจำนวน “เท่าเดิม” ความหมาย ก็คือ คนไทยนั้น ไม่ได้มีจำนวนเพิ่มขึ้น หรือเพิ่มขึ้นน้อยมาก เวลาที่จะใช้ตาเพื่อที่จะ “ดู” ก็ไม่น่าจะเพิ่มขึ้นมากนักแม้จะมีคนบอกว่าเด็กรุ่นใหม่ใช้สายตามากกว่าคนรุ่นก่อน ดังนั้น ถ้าเราคิดว่าจำนวน “ตา” หรือเวลาที่ใช้ในการ “ดู” ก็คือ “รายได้” ที่ผู้ให้บริการจะได้รับ ข้อสรุปของเรา ก็คือ รายได้จาก “ศึกชิงตา” ก็จะมีเท่าเดิมหรือใกล้เคียงกับของเดิม แต่ผู้ให้บริการกลับมีเพิ่มขึ้นซึ่งจะต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้นมาก ผลก็คือ ถ้ามองในแง่ของอุตสาหกรรมโดยรวมแล้ว ก็น่าจะเป็นว่า กำไรของอุตสาหกรรมจะลดลง ถ้ามองในรายละเอียดต่อไปก็น่าจะเป็นว่า ผู้เล่นที่มีอยู่เดิมที่อยู่ในสภาวะผูกขาดหรือกึ่งผูกขาด น่าจะมีกำไรน้อยลงเพราะมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามา “แย่ง” หรือแบ่ง “ลูกตา” หรือลูกค้าไปบ้าง ส่วนรายใหม่ที่เข้ามานั้น รายที่ประสบความสำเร็จสูงก็อาจจะได้กำไร แต่หลายรายที่น่าจะมีจำนวนมากกว่าก็จะขาดทุน มันเป็นศึกที่น่าจะคล้ายกับสงครามที่คู่ต่อสู้ส่วนใหญ่ “เสียหาย” และมีผู้ได้ประโยชน์จริงๆ น้อยมาก